เหรียญรุ่นแรก หลวงปู่คำไหล ปริสุทโธ วัดศรีชมภู จ.นครพนม เนื้อทองแดง สภาพสวยๆครับ

"พระครูพิ พัฒน์สิริคุณ" หรือ "หลวงปู่คำไหล ปริสุทโธ" เจ้าอาวาสวัดศรีชมภู บ้านอูนนา หมู่ 3 ต.นางัว อ.นา หว้า จ.นครพนม พระเกจิอาจารย์ชื่อดังที่เคารพเลื่อมใสแก่ชาวนครพนมและจังหวัดใกล้เคียง

เป็นศิษย์สืบสายธรรมจาก พระอาจารย์ขาว แห่งภูเขาเขียว สปป.ลาว

ท่านมีนามเดิมว่า คำไหล ประกิ่ง เกิดในตระกูลชาวนา เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2482 พื้นเพเป็นชาวบ้านอูนนา หมู่ 3 โยมบิดามารดาชื่อ นายกิ และนางมุ้ม ประกิ่ง 

เมื่ออายุ 24 ปี เข้าพิธีอุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดพระธาตุประสิทธิ์ อ.นาหว้า เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2506 มีพระครูประสิทธิ์ศึกษาการ เจ้าคณะตำบลนาหว้า เป็นพระอุปัชฌาย์ 

หลังอุปสมบท ท่านได้ศึกษาพระปริยัติธรรม สอบได้นักธรรมชั้นเอก สำนักศาสนศึกษาวัดโพธิ์ชัย ต.นางัว อ.นาหว้า นอก จากนี้ ยังได้ศึกษาวิปัสสนาธุระ อักษรธรรมไทยน้อย วิทยาคมและรักษาโรคสมุนไพรแผนโบราณ จนเป็นที่เลื่องลือ 

ปัจจุบัน หลวงปู่คำไหล สิริอายุ 75 พรรษา 51 

วันที่ 7 พฤษภาคม 2553 ที่ผ่านมา เป็นวันคล้ายวันเกิด วัดศรีชมพูจัดงานฉลองอายุวัฒนมงคล 6 รอบ 72 ปี หลวงปู่คำไหล 

ในการนี้ คณะศิษย์ได้ขออนุญาตท่านจัดสร้างวัตถุมงคลขึ้นมา 1 รุ่น เป็นเหรียญ หลวงปู่คำไหล รุ่น 1 (แซยิด) 

วัตถุประสงค์เพื่อแจกจ่ายญาติโยมที่มาทำบุญ ร่วมงานฉลองอายุดังกล่าว รายได้สมทบทุนเปิดอาคารพิพิธภัณฑ์วัตถุโบราณวัดศรีชมภู 

เหรียญรุ่นนี้ ลักษณะเป็นเหรียญรูปไข่ มีหูห่วง จัดสร้างเป็นเนื้อสามกษัตริย์ 1,000 เหรียญ เนื้อทองแดงชุบทอง 1,000 เหรียญ และเนื้อทองแดงรมดำ 48,000 เหรียญ รวมจำนวน 50,000 เหรียญ 

ด้านหน้าเหรียญ ขอบเหรียญมีเส้นสันนูน ใต้หูห่วงใกล้ขอบเหรียญด้านบน สลักตัวหนังสือคำว่า "หลวงปู่คำใหล ปริสุทฺโธ" ตรงกลางเหรียญมีรูปเหมือนหลวงปู่ครึ่งองค์ ใบหน้านูนลอยเด่นชัด ด้านล่างสลักตัวหนังสือทับจีวรคำว่า "วัดศรีชมภู"

ด้านหลังเหรียญ ขอบเหรียญมีเส้นสันนูนหนา รอบขอบเหรียญจากขวาไปซ้ายสลักคำว่า "รุ่นเปิดอาคารพิพิธภัณฑ์ และฉลองอายุวัฒนมงคล 6 รอบ" ตรงกลางเหรียญสลักอักขระตัวธรรมและตัวเลขธรรม 5 บรรทัดกำกับ ด้านล่างสุดระบุ "รุ่น ๑"

เหรียญรุ่นนี้ แม้จะระบุว่าเป็นรุ่น 1 ในวาระดังกล่าว แต่แท้จริงวัตถุมงคลรุ่นแรกของ หลวงปู่คำไหล เป็นพระเนื้อผง ส่วนรุ่น 2 เป็นเหรียญอายุครบ 67 ปี

หลวงปู่คำไหลนั่งอธิษฐานจิตปลุกเสกในกุฏิ เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2553 และจะรอนำเข้าพิธีพุทธาภิเษกครั้งใหญ่ ในพิธีเปิดอาคารพิพิธภัณฑ์อีกครั้ง